ไกลกว่านั้น

ApisitTodayสิ่งที่จะเขียนอาจเป็นความคับแคบ ความไม่รู้ ความอ่อนด้อย หรือความโง่เขลาเฉพาะตัวของผมเองก็เป็นได้ ทั้งอาจเป็นความที่ไม่เคยอยู่ในอำนาจ ไม่คิดมีอำนาจ ไม่ได้อยู่ในวงจรโสมมของการเมือง สัมผัสกับสิ่งปฏิกูลที่เรียกว่า “ท่านผู้ทรงเกียรติ” และ “รัฐมนตรี” ตัวอักษรที่ถ่ายทอดความคิดนับจากบันทัดนี้อาจผิดทั้งหมดก็เป็นได้

หลังสิ้นการชุมนุม ๑๙๓ วัน และการขึ้นมีอำนาจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จากแก๊งการเมืองประชาธิปัตย์ ดูค่อนข้างสอดคล้องกับทิศทางการเมืองโลกที่เข้าสู่ยุคการผลัดเปลี่ยนผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่ กระแสอาจเริ่มที่ประเทศล้มละลายและอันธพาลโลกอย่างอเมริกา เพียงแต่ผมไม่มี “ความเชื่อ” ว่าบรรดาผู้นำเหล่านี้มี “ความสามารถ

มองว่าทั้งหมดเป็นแต่เพียง “มายาภาพ” ที่ถูกสร้างเป็นกระแสผ่านวาทกรรมและการโฆษณาชวนเชื่อ

ในวันที่นายอภิสิทธิ์เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี สุนทรพจน์แรกและกฎเหล็ก ๙ ข้อ ต่างได้รับการสรรเสริญ ทั้งประวัติเรียงความเมื่อวัยเยาว์ หรือคำบอกเล่าของพี่สาวที่บอกว่าน้องชายซื้อเสื้อผ้าเองไม่เป็น เป็นคนสมถะมาก ผมอาจจะเป็นเพียงคนส่วนน้อยที่ “ตั้งแง่” (โปรดย้อนอ่านบทความเก่า ๆ ) และมองว่าคนนี้คงไม่สามารถพาบ้านเมืองรอด เพราะขาด “สิ่งจำเป็น” หลายอย่างที่ผู้นำพึงมี

ช่วงต้นหลายคน รวมทั้งแกนนำพันธมิตรฯ ค่อนข้างมีความเห็นอกเห็นใจและพยายามเข้าใจกับความจำกัดในระบบการเมืองแบบเก่า ตลอดจนเรียกร้องให้พันธมิตรฯ ให้สนับสนุนเป็นฐานให้นายอภิสิทธิ์ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง ระยะหนึ่งมีคนพยายามอธิบายความว่านายอภิสิทธิ์ไม่เหมาะสำหรับการเป็นนายกฯ ในสภาวะวิกฤต หากแต่เหมาะสมในสถานการณ์ปกติ

เพียงแต่ในโลกใบนี้ ในการเมืองและบริบทของทุกประเทศไม่มีคำว่า “ไม่วิกฤต” จะมีก็แต่น้อย ปานกลาง มาก และที่สุด สลับกันเป็นระยะ เป็นรอบ เป็นเรื่อง ๆ

เป็นความเชื่อโดยลำพังของผมเองว่า ไม่ว่าในสถานการณ์ที่เป็น “ปกติสุข” ที่สุดหรือ “วิกฤต” ที่สุด นายเวชชาชีวะคนนี้ไม่เหมาะกับสถานะความเป็นผู้นำ เว้นเสียว่าจะยกเอานายกรัฐมนตรีแต่ละคนในอดีตมาเทียบเคียง ซึ่งถ้าใช้มาตรวัดแบบนี้ “หมาตัวไหน” ก็เป็นนายกฯ ได้ ก็ไม่มีปัญหาอะไรและเข้าใจได้ เพราะ “ไอ้เหี้ยเตี้ย” ก็เป็นมาแล้ว  “ไอ้จิ๋ว ต้มยำกุ้ง” ก็เป็นมาแล้ว “นายชวน เด็กดี” ก็เป็นมาแล้ว “ไอ้หมัก กักขฬะ” ก็เป็นมาแล้ว หรือแม้กระทั่ง “สมชาย ม่านรูด” ก็เป็นมาแล้ว

ในฐานะที่เป็นคน ๆ นึงที่เกิดและเติบโตบนแผ่นดินนี้ เราก็หวังที่จะมีคนดี ๆ มีความสามารถสักคนมานำพาประเทศ ยึดเอาประโยชน์ชาติและคนทั้งประเทศเป็นที่ตั้ง ให้คนได้อยู่ดีมีสุข มีชาติที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเมื่อยืนท่ามกลางประเทศอื่น ๆ แต่เปล่า เราไม่มีคนประเภทอย่างนี้เลย

นายอภิสิทธิ์ดูจะเป็นความหวังสำหรับหลาย ๆ คน เมื่อการทำงานพิสูจน์คน หลายคนก็เริ่มเห็นว่าไม่ใช่ แรกทีเดียวผมมองว่า “ทัศนคติ” ของนายอภิสิทธิ์เป็นปัญหา ระยะหลังกลับเริ่มเห็นชัดว่าตัวเขาเองทั้งหมดเป็นปัญหา ทั้งทีมงานแก๊งประชาธิปัตย์และคนรอบตัวต่างเป็นปัญหา ขาดความสามารถ ขาดศักยภาพในการรับมือและบริหารจัดการในเรื่องต่าง ๆ ใช้แต่ลมปากแก้ตัวไปเรื่อย ๆ ในทุก ๆ เรื่อง

สิ่งแรกสุดที่ผู้นำพึงทำคือ “การแสดงอำนาจ” สิ่งนี้เราไม่เคยได้เห็น แม้เหมือนจะมีความพยายามเป็นช่วง ๆ แต่ก็เหลวไม่เป็นท่ามาทุกครั้ง ตั้งแต่การแต่งตั้งผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จนถึงกรณีล่าสุดในกระทรวงมหาดไทย เมื่อมีอำนาจแต่ไม่แสดงอำนาจเพราะขาด “ความกล้าหาญ” ก็ไม่อาจ “ปราบดา” ขึ้นมาเป็นใหญ่ ไม่สามารถใช้อำนาจ บังคับบัญชา สั่งการอะไรได้ สุดท้ายก็อยู่ในสภาวะ “ไร้อำนาจ” อย่างที่เห็นอย่างที่เป็น

การขาดความกล้าหาญอันเป็นผลต่อเนื่องจาก “ความขี้ขลาดตาขาว” ที่ซุกซ่อนอยู่ข้างใน  ช่วงชีวิตคนที่ชีวิตราบรื่นและสบายมาตลอดบ่อยครั้งไม่หล่อหลอมให้คนเป็นคนที่ “เด็ดขาด” และ “เข้มแข็ง” พอ เมื่อเผชิญกับวิกฤตจึงไม่สามารถรับมือได้ เหตุการณ์ก่อกบฎกลางเมืองสองครั้งต่อเนื่องของขบวนการเสื้อแดงเป็นหมายเหตุสำคัญที่แสดงให้เห็นความขี้ขลาดตาขาวของผู้นำ ที่เหตุการณ์ร้ายแรงเกิดขึ้นในลักษณะวิธีการที่แทบไม่ได้แตกต่างกัน แต่กลับรับมือ แก้ปัญหาได้ผิดพลาดล้มเหลวทั้งสองครั้ง และร้ายแรงมากขึ้นในครั้งที่สอง ทั้งที่เหตุการณ์แรกน่าจะเป็นบทเรียนทีดี

กรณีความสัมพันธ์ระหว่างประเทศโดยเฉพาะปัญหาปราสาทพระวิหารเป็นอีกหมายเหตุสำคัญอย่างหนึ่ง ที่สะท้อนความขี้ขลาดตาขาวกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่างกลัวการแทรกแซงของนานาชาติ กลัวสหประชาชาติหรือกลัวองค์กรเล็ก ๆ อย่างยูเนสโก และกลัวกระทั่งอดีตประเทศราชอย่างเขมรเสียด้วยซ้ำ

ปัญหาพระวิหารสะท้อนตัวตนความเป็นอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างสำคัญอีกอย่าง คือ ความเป็นคนเฉื่อยชาและเช้าหนึ่งชามเย็นหนึ่งชาม รอจนไฟล้นก้นแล้วค่อยร้อนตัว เหตุการณ์การประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งล่าสุดที่บราซิลที่ผ่านมาเป็นประจักษ์สำคัญ หนึ่งปีก่อนหน้านั้นมีเรื่องต้องทำต้องเตรียมมากมาย แต่ไม่ทำอะไร มาร้อนรนเอานาทีสุดท้ายและพอผ่านเหตุการณ์ก็กลับเข้าอีหรอบเดิม

ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมคราวนี้เป็นเรื่องยากเรื่องใหญ่ที่ต้องใช้ความสามารถในการบริหารจัดการอย่างยิ่ง แต่สิ่งที่เห็นกลับกลายเป็นว่าเหลวแหลกสะเปะสะปะไม่เป็นเรื่องเป็นราว ชนิดที่เรียกว่า “ไม่เป็น” เลยทีเดียว ถ้าไม่ได้ภาคเอกชน (ที่ไม่ได้หมายถึงช่อง ๓) และคนไทยค่อนประเทศ วิกฤติคราวนี้จะหนักหนาสาหัสกว่านี้หลายเท่า คนไทยนอกจากเผชิญภัยน้ำท่วมแล้วยังเผชิญภัย “น้ำลาย” ของนายกรัฐมนตรี

ซ้ำร้ายในภาวะที่หนักหนาสาหัส สิ่งที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้สมนาคุณให้คนทั้งประเทศ คือ เติมเชื้อไฟความขัดแย้งให้บ้านเมือง นำเอาบันทึกการประชุมเจบีซีเข้าสภาฯ เพื่อเอาใจฮุน เซน นำเอาการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ เอาใจพรรคร่วมและเตรียมทางหนี ชนิดไม่ให้ต้องมีสักนาทีที่จะได้อยู่เป็นสุขให้ได้พักหายใจ

เมื่อแต่ละเรื่องผูกปมแน่นและยุ่งเหยิง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีผู้นี้กระทำคือใช้ทักษะชนิดเดียวที่ตัวเองมีคือ “ลมปาก” คำพูดที่ดูดี ฟังดูมีเหตุผล แต่เมื่อไล่เรียงเหตุการณ์เดียวกันต่อเนื่องสักระยหนึ่งก็จะเห็นชัดว่าทุกคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียงแต่การ “ปลิ้น” ไปเรื่อย เป็นกิริยาอาการของคนกะล่อนที่ปลิ้นปล้อนเอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่อยู่กับร่องกับรอย ครั้นพอถูกจับได้ไล่ทันก็ชักขุ่นชักมีอารมณ์ ที่เกิดการอาการ “หลุด” ผ่านสัมภาษณ์นักข่าว ซึ่งมีให้เห็นอยู่หลาย ๆ ครั้ง ไม่คำพูดก็สีหน้าสีตา

คนที่ไม่มีภาวะความเป็นผู้นำเลย ไร้ความสามารถในการบริหารจัดการโดยสิ้นเชิง เช้าชามเย็นชาม  ขี้ขลาดตาขาว และปลิ้นปล้อน ทั้งชีวิตมีแต่น้ำลายเป็นคุณสมบัติเอก คนเช่นนี้อยู่ไกลกว่าคำว่าไม่มีใครที่ไร้ตำหนิ หากแต่ “ไร้คุณสมบัติ” โดยสิ้นเชิง

Posted in ทัศนะ and tagged . Bookmark the permalink. Print

About n/e

ชายไทยไม่ระบุชื่อ สิ่งมีชีวิตเขตร้อน เกิดและเติบโตเหนือเส้นศูนย์สูตรเล็กน้อย รักในกาแฟรสขมเข้ม นิยมความเงียบ กินอยู่หลับนอนกับแมว ๑๖ ชีวิต

Click the image below for Shared Hosting ONLY $2.48/month

7 Responses to ไกลกว่านั้น

  1. อาม่า says:

    ไม่เคยผิดหวังในผู้ชายคนนี้…เพราะไม่เคยคาดหวังมันเลย

    ถ้าประเทศไทยจำเป็นต้องเลือกคนที่เหี้ยน้อยที่สุดมาเป็นนายกฯ

    กลับไปใช้ระบอบการปกครองอื่นๆ ที่ไม่ต้องมีการเลือกตั้งดีกว่า

    เนื่องจากคนไทยส่วนใหญ่ยังไม่มีวิจารณญาณในการใช้ชีวิต

  2. kasma says:

    ดีใจที่คุณบอริ่งกลับมาเขียนอีกครั้ง รอนานมาก

    • n/e says:

      อยากจะเขียนต่อเนื่อง แต่เวลาไม่ค่อยมี ไม่รู้จะว่าไง

  3. คนรักชาติมากกว่าหน้าตา says:

    ไอ้สารเลวหน้าหล่อ เหยียบศพประชาชนไปกอดเนวิน มันสารเลวมานานแล้ว ในที่สุด หางไอ้ชั่วตัวนี้มันก็ออก สารเลวกว่าไอ้เหลี่ยมอีก

    • n/e says:

      วันนี้ก็เข้าสู่สภาวะ “เสื่อม” เต็มที

      ขนาดไปหยิบบางเสี้ยวของโพลล์มาพูดจาโกหกให้ตัวเองได้ประโยชน์ก็ยังกล้าทำ

      ของปลอม สร้างภาพ วันนึงมันก็ลอกจนเห็นเนื้อแท้

  4. คนผ่านทาง says:

    เฮ้อ!แล้วช้านจะหวังพึ่งใครดี เฮ้อ!!!

  5. อดีตแม่ยก says:

    ลองย้อนไปดูภูมิหลังที่คุณพี่สาวว่าหนูน้องซื้อเสื้อผ้าตัวเองก็ไม่เป็น เผินๆ ก็น่าเอ็นดูดีหรอก

    แต่คิดลึกๆ แล้วคนแบบนี้น่ะหรือจะมาเป็นนายก เราโง่เองที่นึกไม่ถึง