ถูกตั้งคำถามมาระยะใหญ่ถึงอาการ “ข้อมูลรั่ว” นับแต่ ศอ.รส. จนถึง ศอฉ. นับแต่วลี “ทหารแตงโม” ปรากฎ และมีการอ้างอิงถึงทหารแตงโมตัวใหญ่ที่เป็นสายส่งข่าวให้แกนนำไพร่เสื้อแดง

ครั้งหนึ่ง มีการอ้างถึงนายทหารยศนายพันผู้หนึ่งว่าเป็นทหารแตงโม “หนอนบ่อนไส้” ถูกสั่งย้ายไปนอกพื้นที่และตั้งกรรมการสอบสวน แล้วเรื่องก็เงียบหายไป

ต่อมา มีการอ้างชื่อในขบวนการไพร่ว่า ทหารแตงโมที่คอยส่งข้อมลผู้นั้น หมายถึง พลเอก นพดล อินทปัญญา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พูดไปถึงระดับที่ว่าผู้สื่อข่าวหลังเวทีขบวนการล้มเจ้าไพร่แดงนั้นเคยได้เห็นหน้าค่าตา เคยเจอตัวเป็น ๆ หรือได้พูดคุย

นั่นเป็นข่าวปล่อย เพื่อให้เกิดความระแวงกันเอง หรือเป็นข่าวโอ่ตามลักษณะที่นิสัยแกนนำที่พูดแต่ละครั้ง เราไม่สามารถจำแนกได้เลยว่าน้ำลายหยดไหนจริง ยากที่จะคาดเดา

ทว่า หลังจากนั้น นพดล อินทปัญญา ก็ออกมาชี้แจงว่า “ไม่เคยร่วมประชุม ศอฉ.” ซึ่งฟังเพลิน ๆ ก็เข้าใจได้ว่า ไม่รู้ข้อมูล

ข่าวภายในกองทัพ เท่าที่สดับฟังดูค่อนข้างสับสนไม่น้อย และถึงที่สุดแล้วแทบจะไม่รู้ว่า หนอนบ่อนไส้ที่ว่านั้นเป็นใคร กระทั่งมีคำเปรยใน ศอฉ. ว่าเราไม่รู้ว่าใครเป็นใครและไม่รู้ว่าจะเชื่อใจใครได้บ้าง

เข้าใจว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้ เสธ.ไก่อู พูดผ่านสื่อว่า “เรารู้เขา แต่เขารู้เรามากกว่า”

นั่นคือ ทุกแผนการณ์ ทุกรายละเอียดปฏิบัติการ ไปถึงแกนนำไพร่เสื้อแดงเป็นการล่วงหน้าทุกครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ ๑๐ เมษา นั่นหมายถึงว่าจนถึงเวลานี้ข้อมูลจาก ศอฉ. ยังคงหลั่งไหลไปหลังเวทีไพร่แดง

ตามกำหนดเดิม แกนนำไพร่แดงจะบุกราบ ๑๑ อีกครั้ง เพื่อไล่ล่าคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แล้วก็ล้มแผนเสียดื้อ ๆ อ้างว่าไม่คิดจะทำตั้งแต่แรก แล้วคุยเป็นฉาก ๆ ว่า ศอฉ. วางมาตรการ “จับตัวแกนนำ” ไว้อย่างไร จากนั้นก็ปรับแผนสั่งถอนกำลังทั้งหมดจากเวทีผ่านฟ้ามายังเวทีราชประสงค์

ชนิดที่เรียกว่าทิ้งฐานที่มั่นเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ “หลอกคนไปตาย” เพื่อทั้งรักษาฐานและ “สร้างเรื่อง”

ปัญหาไม่ใช่เพราะคนลดน้อยถอยลงจนไม่สามารถคุมทั้งสองพื้นที่ได้เพียงอย่างเดียว แต่เป็นปัญหาช่องโหว่ความปลอดภัยของแกนนำที่จะต้องวิ่งไปวิ่งมาสองเวที ง่ายต่อการถูกดักจับระหว่างทาง นั่นทำเอาบรรดาเกรียนบนหัวขวดนั้นลุกซู่ เยี่ยวเล็ด พลิกแผนรับมือ

หมายถึง รู้ข่าววงในที่ประชุม ศอฉ. ว่ามีการปรับแผนการ ไม่ใช้กำลังเข้าขอพื้นที่แต่จะมุ่งเป้าไปที่การจับตัวแกนนำ

และ ที่ไอ้เต้นบรรยายเป็นฉาก ๆ สำหรับแผนการจับแกนนำถ้าไปราบ ๑๑ วันนี้นั้น เป็นของจริง และเป็นของจริงที่หลุดออกมาจากวงประชุม ศอฉ. วงประชุมลับที่มีกันแค่ ๓ คน มีคนรู้เรื่องนี้แค่ ๓ คน

คนหนึ่งชื่อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ คนหนึ่งชื่อ อนุพงษ์ เผ่าจินดา คนหนึ่งชื่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา

ประวิตร ไม่เคยปรากฎชื่อในฐานะผู้ต้องสงสัย แต่อยู่ในฐานะผู้รับรู้ ขณะที่ผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ ออกมาระบุว่าไม่เคยเข้าประชุม แต่ไม่ได้ปฏิเสธว่าเป็น “กาคาบข่าว” เป็นไปได้หรือไม่ว่า คนหนึ่งฟังมา คนหนึ่งบอกไป?

จริงเท็จอย่างไรอีกสักครู่ความจริงคงปรากฎ โลกทุกวันนี้หมุนเร็ว ใครจะคิดว่าหมักจะตายในฉับพลัน ใครจะคิดว่าเวลาชีวิตของหน้าเหลี่ยมนับถอยหลังอย่างรวดเร็ว?

ในทางการข่าว ระบุว่า หนอนบ่อนไส้ตัวนั้น เป็น “แตงโมไร้เมล็ด” นายทหารใหญ่ที่มีรสนิยมในทำนอง “ชายเหนือชาย” เอ็นดูนายทหารหนุ่มหน้าตาดี แตงโมใบนั้นเคยฉี่ราดเมื่อคราวแดงบุกมหาดไทย โดยแรงจูงใจคือการผูกใจแค้น “สุดหล่อ” ที่ไม่ยอมช่วยน้องเมื่อคราว ปปช. มีมติให้ออกจากราชการ ทั้งแตงโมไร้เมล็ดก็เคยฝันหวานว่าจะได้เป็นนายกฯ มาระยะหนึ่ง

ฟังมาว่า เร็ว ๆ นี้จะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญในทิศทางที่สังคมเรียกร้องมาระยะใหญ่ โปรดอดใจคอย!

—————————-

ภาพประกอบโดย หน่อย ศิรัส